ประกาศจากการบินไทย ห้ามนำ Macbook Pro 15 นิ้วรุ่นปี 2015-2017 ที่ยังไม่ได้รับการเปลี่ยนแบตเตอรี่ ขึ้นเครื่องบิน

เมื่อเวลา 17:53 น. ของวันที่ 21 สิงหาคม 2019 ที่ผ่านมา การบินไทยได้ออกประกาศห้ามผู้โดยสารนำ Macbook Pro 15 นิ้ว รุ่นปีตั้งแต่ 2015 – 2017 ที่กำลังอยู่ระหว่างโปรแกรมการเรียกคืนแบตเตอรี่ของทาง Apple ขึ้นเครื่องบิน ทั้งแบบพกพาติดตัวขึ้นเครื่องบินหรือแบบโหลดใต้ท้องเครื่อง ตามข้อกำหนดของ EASA

เรืออากาศเอกปรารถนา พัฒนศิริ ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายความปลอดภัย ความมั่นคงและมาตรฐานการบิน บริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) ได้เปิดเผยว่า ตามที่องค์การความปลอดภัยด้านการบินแห่งสหภาพยุโรป (European Aviation Safety Agency หรือ EASA) ได้ออกประกาศให้สายการบินที่ทำการบินเข้าออกจากสหภาพยุโรปปฏิบัติตาม Safety Information Bulletin หรือ SIB) 2017-01 เรื่องมาตรการความปลอดภัยเกี่ยวกับการส่งหรือนำแบตเตอรี่ลิเธียม หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีแบตเตอรี่ลิเธียมเป็นส่วนประกอบ โดยแบตเตอรี่นั้นชำรุด มีข้อบกพร่อง หรือถูกเรียกคืนจากผู้ผลิต ซึ่งตัว Apple Macbook Pro 15 นิ้ว รุ่นปีตั้งแต่ 2015 – 2017 กำลังอยู่ในเกณฑ์การเรียกคืนแบตเตอรี่จากผู้ผลิตนั้น การบินไทยจึงมีความจำเป็นต้องขอความร่วมมือจากผู้โดยสารให้งดนำอุปกรณ์ที่อยู่ในเกณฑ์ดังกล่าวขึ้นเครื่องบิน ทั้งแบบสัมภาระติดตัวหรือแบบโหลดใต้ท้องเครื่องบิน รวมไปถึงการใช้งานและชาร์จระหว่างเที่ยวบิน เนื่องจากอาจเกิดภาวะร้อนเกินไปและเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัย ยกเว้นว่าเครื่องนั้นจะได้รับการเปลี่ยนแบตเตอรี่หรือได้รับการแก้ไขซ่อมแซมตามที่บริษัทผู้ผลิตแนะนำ ซึ่งท่านสามารถตรวจสอบได้เองว่าคอมพิวเตอร์ของท่านอยู่ในโปรแกรมการเรียกคืนแบตเตอรี่หรือไม่ ได้จากเว็ปไซต์ของ Apple(คลิกที่นี่) ทั้งนี้การแจ้งเตือนดังกล่าวเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดของบริษัทที่สอดคล้องกับข้อกำหนดขององค์การความปลอดภัยด้านการบินแห่งสหภาพยุโรป (EASA) อีกด้วย

นอกจากนี้แล้วถ้าหากท่านพบว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใดๆของท่าน มีอาการแตกหักหรือเสียหาย หรือมีอุณหภูมิสูงขึ้นผิดปกติและมีควัน ไม่ควรหยิบขึ้นมาด้วยตัวเองเพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายและมีความเสี่ยงทำให้เกิดอัคคีภัยได้ ขอความกรุณาให้รีบแจ้งพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินให้ทราบโดยทันที

ผู้โดยสารทุกท่านสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของการบินไทย thaiairways.com หรืสอบถามข้อมูลได้ที่ THAI Contact Center โทร. 0-2356-1111 ตลอด 24 ชั่วโมง

ขอขอบคุณบทความดีๆจาก

it24hrs.com
Apple
ThaiAirways

macrumors

หูฟังของ Samsung Galaxy Buds สามารถทำคะแนนได้ดีกว่า AirPods ของค่าย Apple

เว็บไซต์ข่าวอย่าง Business Korea ได้รายงานผลการทดสอบของ Consumer Report ว่าหูฟังไร้สายแบบ True Wireless จากค่าย Samsung ที่มีชื่อว่า Galexy Buds รุ่นล่าสุดนั้นได้คะแนนไป 86 คะแนน ขึ้นเป็นท็อปอันดับหนึ่ง ในขณะที่ Airpods จากค่าย Apple ทำคะแนนไปได้เพียง 56 คะแนน และอยู่ในอันดับที่ 49

ซึ่งคะแนนที่ออกมานั้นได้ประเมินมาจาก ดีไซน์ของผลิตภัณฑ์ และคุณภาพของเสียง ซึ่งทาง Galaxy Buds ได้คะแนนในส่วนของคุณภาพเสียงในระดับที่ดีเยี่ยม ซึ่งหมายความว่าหูฟังรุ่นอื่นๆก็สู้ไม่ได้เช่นกัน

ในส่วนของการเปิดตัวสินค้าของทั้งสองแบรนด์นี้ต่างก็เปิดตัวในเดือนมีนาคม 2019 ที่ผ่านมานี้ แต่ Galaxy Buds ถูกวางจำหน่ายในราคาที่ถูกกว่าทาง Airpods ที่ราคา $149 ส่วน Airpods ในรุ่นปกติวางจำหน่ายในราคา $159 ส่วนแบบเคสชาร์จไร้สายนั้นวางจำหน่ายในราคา $199 ซึ่งมีราคาที่ต่างกันพอสมควร โดยที่ประสิทธิภาพของตัว Galaxy Buds นั้นยังสูงขึ้นในด้านของ การควบคุม ระบบสัมผัส รวมไปถึงประสิทธิภาพของเสียงและการพูดคุยผ่านตัวหูฟัง หลังจากที่ได้รับการอัปเดตเฟิร์มแวร์ในช่วงที่ผ่านมา

สรุปแล้วก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับใครที่กำลังมองหาหูฟัง True Wireless ซักตัว แต่สุดท้ายแล้วก็มีแต่ตัวเราเองที่จะรู้ว่าหูฟังแบบไหนที่เหมาะสมสำหรับเรา เพราะความชอบในการฟังเพลงของเราไม่เหมือนกันอยู่แล้วครับ หวังว่าบทความนี้อาจจะเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจของท่านไม่มากก็น้อยครับ

ขอขอบคุณบทความดีๆจาก
beartai

ขอบคุณภาพจาก

imore

samsung.com

เจ้าของ WordPress เตรียมซื้อกิจการของ Tumblr แล้ว

วันนี้มีข่าวว่า Automattic ซึ่งเป็นเจ้าของแพลตฟอร์ม CMS ชื่อดังอย่าง WordPress นั้น ประกาศซื้อกิจการของ Tumblr จาก Verizon แล้ว ซึ่งเค้าก็หวังว่าจะเอาไปต่อยอดกับผลิตภัณฑ์อื่นๆอาทิเช่น WordPress.com, WooCommerce, Jetpack, Simplenote และ Longreads โดยที่จะรับพนักงานของ Tumblr เข้ามาทำงานกับบริษีท Automattic ถึง 200 คนอีกด้วย

ขอบคุณภาพจาก guidingtech

โดยที่ตัว Tumblr นั้นคือ micro blogging ที่มีการนำลูกเล่นหลาย ๆ อย่างรวมเข้าไปอยู่ในบล็อก ๆ เดียว เราสามารถ reblog ข้อความของคนอื่น (คล้ายกับการ retweet) เขียนเล่าเรื่องยาว ๆ อัปโหลดวีดิโอ ไฟล์เสียง ลงภาพเคลื่อนไหว.gif ลงภาพนิ่ง และโพสต์คำคมลงไปบนบล็อกได้หมดเลย

ดีลที่บริษัท Automattic ซื้อกิจการจาก Tumblr นั้นมีราคาต่ำกว่า $20 ล้าน โดยก่อนหน้านี้เมื่อปี 2013 Yahoo ได้เคยซื้อ Tumblr ในราคาที่สูงถึง $1,100 ล้าน เลยทีเดียว ก่อนที่หลังจากนั้น Yahoo จะตัดสินใจขายต่อให้กับ Verizon ซึ่งเป็นเจ้าของปัจจุบัน

ก่อนหน้านี้ Tumblr เคยฮิตมากในเรื่องของการนำเสนอรูปภาพ จนกระทั่งมีผู้ใช้ส่วนหนึ่งนำมาใช้โพสต์ภาพ 18+ เป็นจำนวนมาก ก็เลยทำให้มีผู้เข้ามาชมเว็บของ Tumblr เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว แต่อย่างไรก็ตามตั้งแต่ที่บริษัท Verizon ซื้อ Tumblr มาดูแลนั้น ก็ได้ทำการกวาดล้างภาพ 18+ ออกไปเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2018 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเหตุให้ยอดการเข้าชมเว็บไซต์ Tumblr นั้นน้อยลงไปอย่างมากจนแทบจะร้างกันเลยทีเดียว แต่มีข่าวก่อนวันนี้ว่า Pornhub ซึ่งเป็นเว็บไซต์ 18+ ชื่อดัง(ที่หนุ่มๆหลายคนน่าจะรู้จัก 55) สนใจที่จะซื้อ Tumblr เพื่อนำสังคม 18+ กลับมาอีกครั้ง แต่ก็ดูเหมือนว่าจะสายไปเสียแล้วเพราะบริษัท Automattic ได้ตกลงซื้อกิจการไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ขอขอบคุณบทความดีๆจาก

it24hrs.com

ขอบคุณรูปภาพจาก

sanook.com

Microsoft เตือนให้อัปเดต Windsows ด่วน เพื่ออุดช่องโหว่ร้ายแรงของ Remote Desktop

เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2562 ที่ผ่านมานี้ ทาง Microsoft ได้ทำการออกแพทช์ของ Windows 10 ประจำเดือนออกมาเพื่อแก้ไขช่องโหว่ทั้งหมดประมาณ 89 จุด โดยที่ช่องโหว่ที่มีความร้ายแรงถึงขั้นวิกฤตนั้นมีอยู่ 2 จุด ซึ่งพบในบริการของ Remote Desktop ด้วย

โดย 2 ช่องโหว่ที่ว่ามานี้มีรหัส CVE-2019-1181 และ CVE-2019-1182 ซึ่งคล้ายกับช่องโหว่ BlueKeep ที่ Microsoft ได้ออกแพทช์ปิดช่องโหว่ไปก่อนหน้านี้

ระบบปฏิบัติการที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ Windows 7 SP1, Windows Server 2008 R2 SP1, Windows Server 2012, Windows 8.1, Windows Server 2012 R2 และ Windows 10 ทุกเวอร์ชันรวมถึง Windows Server เวอร์ชันที่ยังได้รับการสนับสนุนจากทาง Microsoft

โดยทาง Microsoft เองก็ได้แนะนำให้ผู้ใช้ที่อยู่ในกลุ่มข้างต้นรีบอัพเดตแพทช์เพื่อความปลอดภัย แต่หากว่าผู้ใช้ยังไม่สะดวกที่จะอัพเดตแพทช์ดังกล่าว แนะนำให้เปิดใช้งาน Network Level Authentication (NLA) หรือตั้งค่าไม่ให้เชื่อมต่อบริการ Remote Desktop จากเครือข่ายภายนอก หรือปิดการใช้งานบริการดังกล่าว

ท่านสามารถดาวน์โหลดแพทช์ดังกล่าวได้ตามลิงค์ด้านล่างนี้
– CVE-2019-1181

– CVE-2019-1182

ขอขอบคุณบทความดีๆจาก
it24hrs.com

เตือนภัยสำหรับผู้ใช้งาน Android!!! พบ Ransomware รูปแบบใหม่ สั่งล็อคไฟล์เรียกค่าไถ่ได้

พักหลังมานี้มักจะมีข่าวร้ายเกี่ยวกับระบบปฏิบัติการ Android ของ Google ที่มีออกมาค่อนข้างเยอะ ซึ่งล่าสุดก็ได้มีการค้นพบมัลแวร์ตัวใหม่บน Andriod ซึ่งมัลแวร์ตัวดังกล่าวจะมาในรูปแบบของ sms โดยในข้อความนั้นจะมีลิงค์ให้ดาวน์โหลดเนื้อหาของการมีเพศสัมพันธ์จำลอง หรือ Sex Emulator ซึ่งเมื่อผู้ใช้งานทำการกดดาวน์โหลดก็จะเป็นการติดตั้งตัวมัลแวร์นี้โดยอัตโนมัติ
หลังจากที่มัลแวร์ตัวนี้ถูกติดตั้งในเครื่องแล้ว มันจะทำการค้นหาไฟล์เอกสาร รูปภาพ วีดีโอ หรือไฟล์อื่นๆ หลังจากนั้นมันจะทำการล็อคเครื่องของเราและสร้างรหัสผ่านขึ้นมาเอง แต่มันจะไม่เหมือนกับมัลแวร์รูปแบบอื่นๆคือมันจะไม่ทำการล็อคเครื่อง หรือ ยุ่งกับไฟล์ APK ของเครื่องเรา

หลังจากที่ไฟล์ถูกล็อคแล้ว มันจะแสดงหน้าจอขึ้นมาเพื่อเรียกค่าไถ่ โดยที่ผู้ใช้งานจะต้องทำการจ่ายเงินเป็นเงินดิจิตอล Bitcoin โดยจะมีมูลค่าตั้งแต่ $94 ไปจนถึง $188 เลยทีเดียว และเมื่อเราจ่ายเงินเสร็จแล้วระบบจะส่งรหัสสำหรับปลดล็อคไฟล์นั้นมาให้เรา นอกจากนั้นมัลแวร์ตัวนี้ยังสามารถส่งต่อข้อความไปยังรายชื่อที่ถูกบันทึกไว้ในเครื่องของเราเพื่อให้ตกเป็นเหยื่อต่อไปได้อีกด้วย โดยที่มันสามารถแสดงรูปแบบภาษาได้ถึง 42 ภาษาด้วยกัน ขึ้นอยู่กับว่าผู้ใช้งานเครื่องนั้นตั้งภาษาอะไรไว้เป็นค่ามาตรฐาน

สุดท้ายนี้วิธีการป้องกันที่ดีที่สุดก็คืออย่าเสี่ยงดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นจากภายนอกมาติดตั้งในเครื่องของเรา หรืออย่ากดดูข้อความที่เราไม่รู้จักและคาดว่าน่าจะเป็นอันตรายต่อเครื่องของเราครับ

ขอขอบคุณบทความดีๆจาก
beartai.com

บัญชี Microsoft อาจถูกลบ หากไม่ Login เข้าใช้งานนานเกิน 2 ปี

ในสมัยก่อนนั้นผู้ให้บริการ email ฟรี ที่คนนิยมใช้กันก็คงจะหนีไม่พ้น hotmail และ yahoo แต่หลังจากนั้นไม่นานนัก google ก็ได้เปิดตัว gmail ออกมาจึงทำให้หลายต่อหลายคนเริ่มหันไปใช้บริการของ google กันมากขึ้น จนบางครั้งก็ทำให้ email account อันเก่าของเราก็ไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานาน วันนี้แอดมีบทความมาบอกเกี่ยวกับคนที่เคยใช้ hotmail หรือมี Microsoft account แต่ไม่ได้ใช้นานมากแล้วอาจจะถูกลบออกจากระบบได้ เรามาดูกันดีกว่าว่าถ้าไม่อยากให้บัญชีของเราถูกลบออกจากระบบแล้วเราควรจะป้องกันอย่างไรดี

บัญชีของ Microsoft นั้นหลักๆก็คือพวก hotmail, outlook.com, windowslive.com, msn นั่นเอง ซึ่งตอนนี้ทาง Microsoft เค้าได้กำหนดนโยบายใหม่ว่า บัญชีจะถูกลบโดยอัตโนมัติ หากท่านไม่ได้ login เกิน 2 ปีขึ้นไป นับตั้งแต่การ login ครั้งสุดท้ายของเรา ดังนั้นแล้วถ้าใครไม่อยากให้บัญชีของตัวเองถูกลบแล้วอย่างน้อยภายในระยะเวลา 2 ปีนั้นก็ควรที่จะ login เข้าไปสักครั้งนึงเพื่อป้องกันการถูกลบบัญชีออกไปจากระบบ
ซึ่งจากนโยบายดังกล่าวก็มีข้ออื่นๆอีกที่จะไม่ทำให้ microsoft ลบบัญชีของเราออกไปจากระบบดังนี้

–  เป็นบัญชีที่สถานะ Active ในการซื้อผลิตภัณฑ์หรือเป็นสมาชิกบริการของ Microsoft
–  เป็นบัญชี Developer อัปโหลดแอปขึ้น Microsoft Store
–  เป็นบัญชีที่ใช้รับ certification จาก Microsoft
–  มียอดเงินคงค้างในบัญชี Microsoft
–  เป็นบัญชีเด็กเยาวชน ที่สร้างด้วย Microsoft Family

ทั้งนี้เงื่อนไขทั้งหมดนี้จะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2019 เป็นต้นไป

ขอขอบคุณบทความดีๆจาก

it24hrs.com

secret

เทคนิคดีดีของคนอยากมีเว็บไซต์

สำหรับผู้ที่อยากจะมีเว็บไซต์แต่นึกไม่ออกว่าควรจะเริ่มต้นจากตรงไหนดี บทความนี้อาจจะช่วยให้คุณมีไอเดียใหม่ๆ และจะช่วยให้คุณสามารถนำเทคนิคดีๆ เพื่อนำไปต่อยอดความรู้ในการสร้างเว็บไซต์ของคุณได้

1. เราต้องเลือกทำเว็บไซต์ที่เป็นเรื่องที่ตัวเองถนัดหรือเป็นเรื่องที่คนต้องการ

การสร้างเว็บไซต์เกี่ยวกับสิ่งที่เราถนัด จะช่วยให้เนื้อหาที่สื่ออกมาดีมากเนื่องจากเป็นสิ่งที่เราถนัดอยู่แล้วเป็นทุนเดิม ทำให้เนื้อหาหรือบทความที่สื่ออกมานั้นมีคุณภาพมาก หรือถ้าเป็นเรื่องที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของเรา ก็จะทำให้กลุ่มคนเหล่านั้นเข้ามาดูเว็บของเราแน่นอน เพราะเป็นสิ่งที่เค้าต้องการอยู่แล้ว แต่อย่างที่สองนี้อาจจะเป็นสิ่งที่ลำบากหน่อยเพราะเราอาจจะต้องทำการบ้านหรือหาความรู้มากหน่อยเพื่อนำมาใส่ในเว็บไซต์ของเราเอง

2. ทำให้เป็นแบบเฉพาะทาง

การสร้างเว็บไซต์นั้นเราควรที่จะเริ่มด้วยการเขียนเนื้อหาดูแคบและเป็นแบบเฉพาะทางไปเลยจะดีกว่า เพราะถ้าเราทำแบบกว้างจนเกินไปจะทำให้เนื้อหาดูไม่น่าสนใจ และทำให้ผู้เข้าชมเว็บไซต์ของเราสับสนได้ว่าตกลงแล้วเว็บไซต์ของเราต้องการที่จะสื่ออะไรกันแน่ แต่ถ้าเราทำแบบเจาะจงหัวข้อไปเลยก็จะทำให้ผู้เข้าชมที่สนใจในเรื่องนั้นๆ ติดตามเว็บไซต์ของเราได้ง่ายกว่าเพราะมันตอบโจทย์ในสิ่งที่เค้าต้องการมากกว่า

3. เนื้อหาสำคัญกว่าเทคนิค

เราควรที่จะให้ความสำคัญกับเนื้อหาในเว็บไซต์ของเรามากกว่าเทคนิคที่แพรวพราวในเว็บไซต์ของเรา เพราะถ้ามาลองคิดดูให้ดีว่า ต่อให้เว็บเราจะมีสวยมากแค่ไหนแต่เนื้อหาไม่ได้เรื่องก็ไม่อาจทำให้คนเข้ามาติดตามเว็บของเราได้ เพราะเค้าไม่รู้จะติดตามไปทำไมในเมื่อไม่มีเนื้อหาสาระอะไรให้ติดตามครับ แต่ถ้ากลับกัน เว็บไซต์ที่เนื้อหาดีมากแต่เว็บไซต์ดูธรรมดา ก็มีโอกาสมากกว่าที่คนจะเข้ามาติดตามเว็บไซต์ของเรามากกว่า

สุดท้ายแล้วการที่เว็บไซต์มีเนื้อหาที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย และการมีเนื้อหาที่ดีย่อมเป็นตัวช่วยที่สามารถทำให้เว็บไซต์ของเราเป็นที่นิยมขึ้นมาได้ หวังว่าเทคนิคและความรู้ต่างๆเหล่านี้จะสามารถช่วยให้ท่านผู้อ่านสามารถนำไปต่อยอดหรือใช้ประโยชน์ได้ไม่มากก็น้อยนะครับ

 

ขอบคุณบทความจาก

palamike.com

ออกแบบเว็บไซต์อย่างไรให้โดนใจผู้เข้าชม

เว็บไซต์ของเรานั้นก็เปรียบเสมือนหน้าตาของธุรกิจของเราเช่นกัน โดยเฉพาะหน้าแรกของเว็บไซต์นั้นถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่มีส่วนทำให้ผู้เข้าชมนั้นจะอยู่ต่อ…หรือจะจากไป… เพราะฉะนั้นแล้วเราจะออกแบบเว็บของเราให้มีหน้าตาอย่างไรถึงจะดึงดูดผู้ชมให้เข้ามาชมเว็บของเราแล้วเกิดความประทับใจในครั้งแรกที่เข้ามาชม
วันนี้เรามีบทความดีๆเกี่ยวกับเทคนิคการออกแบบเว็บไซต์ให้ดูเป็นมืออาชีพมาให้อ่านกัน สำหรับคนที่สนใจอยากจะมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองแต่ยังไม่มีไอเดียว่าควรจะออกแบบอย่างไรดี

1. Layout ต้องดูเรียบง่าย


การจัดวางแผงผังโครสร้างของเว็บไซต์นั้นควรต้องจัดวางให้มีสัดส่วนที่มีความสมดุลกัน เพื่อที่จะทำให้ออกมาดูสวยงาม เป็นระเบียบ และเรียบง่าย เพราะถ้าไม่เป็นเช่นนั้นแล้วถ้าหน้าเว็บไซต์ของเราดูรกจนเกินไป เนื้อหาแน่นเกิน ก็จะทำให้อ่านยากและทำให้ผู้เข้าชมสับสนได้และไม่เป็นที่น่าสนใจ

2. เลือกโทนสีของเว็บไซต์เพื่อให้เหมาะสมกับธุรกิจของเรา


การเลือกโทนสีของเว็บไซต์เราก็ถือว่าเป็นส่วนสำคัญอีกอย่างนึงในการออกแบบเว็บไซต์ เพราะมันจะช่วยสร้างเอกลักษณ์ให้กับแบรนด์สินค้าของเรา เพื่อช่วยให้ผู้เข้าชมหรือลูกค้าเกิดการจดจำแบรนด์ของเราได้ดีขึ้น อีกทั้งยังมีส่วนช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับเว็บไซต์ของเราด้วย ส่วนบางท่านที่ยืดถือโชคลางหรือมีอาจารย์ที่นับถืออยู่ ก็สามารถนำเอาเรื่องของสีที่ถูกโฉลกเข้ามาช่วยในเรื่องของการออกแบบโทนสีให้กับเว็บไซต์ของเราได้เช่นกัน

3. สินค้าและบริการต้องชัดเจน


ข้อมูลรูปภาพสินค้าและบริการ รวมไปถึงรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าของเราควรที่จะต้องบอกรายละเอียดให้ชัดเจนว่าเราต้องการที่จะสื่ออะไรให้กับผู้ที่เข้ามาชมเว็บไซต์ของเรารู้ เข้าเว็บมาครั้งแรกต้องรู้เลยว่าธุรกิจของเราคืออะไร ธุรกิจของเราเด่นด้านใดบ้าง มีสินค้าอะไรให้บริการ ซึ่งจะทำให้ช่วยดึงดูดผู้เข้าชมเกิดความรู้สึกอยากใช้บริการหรือซื้อสินค้าของเรามากยิ่งขึ้นไป

4. ข้อมูลในหน้าแรกต้องครบถ้วน แต่กระชับไม่มากจนเกินไป

หมายความว่าเนื้อหาในหน้าแรกของเว็บไซต์เรานั้นต้องมีความครบถ้วนสมบูรณ์ทั้งในเรื่องของข้อมูลสินค้าและบริการ ราคาต่างๆ จุดเด่นของแบรด์เรา หรือผลงานความสำเร็จของเรา ข้อมูลต่างๆเหล่านี้ต้องมีความครบถ้วนและชัดเจนแต่ต้องใส่ข้อความให้มีความกระชับได้ใจความไม่เยอะจนเกินไป ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วจะมีข้อความที่รกจนเกินไป

สรุปว่าการที่เราจะออกแบบเว็บไซต์ให้ดูน่าสนใจกับผู้เข้าชมนั้น เราต้องเข้าใจธุรกิจของเราก่อนว่ามีจุดเด่นอะไรยังไง เพื่อที่จะได้ช่วยดึงจุดขายตรงนั้นออกมาแสดงให้ผู้ชมเว็บไซต์ของเราเห็น รวมถึงการจัดเรียงข้อความให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่รกรุงรัง ข้อความมีความกระชับได้ใจความ

 

ขอบคุณบทความจาก

makewebeasy

itopplus

AirDots

หูฟังไร้สาย True-Wireless ราคาถูกและคุ้มค่า เหมาะสำหรับคนไม่ติดแบรนด์

หลายๆคนคงจะเคยรู้จักแบรนด์สัญชาติจีนอย่าง Xiaomi กันมาบ้างแล้ว ซึ่งก็เป็นที่รู้กันว่าสินค้ายี่ห้อนี้มีราคาถูกและอัดแน่นไปด้วยคุณภาพที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าแบรนด์ดังๆ ที่เป็นที่รู้จักกันในตลาดหลายๆเจ้า
มาวันนี้มีสินค้าตัวใหม่คือ หูฟังไร้สายแบบ True-Wireless ซึ่งมาพร้อม concept ถูกและดีก็มีในโลก ซึ่งหูฟังตัวนี้มีชื่อว่า Redmi AirDots ออกมาวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน ที่ผ่านมา และเริ่มวางจำหนายในหลายๆประเทศมากขึ้นในสามเดือนต่อมา ด้วยความที่มีราคาถูกและเป็นหูฟังแบบ True-Wireless ด้วยแล้วทำให้ตอนนี้เจ้า Redmi AirDots มียอดขายทะลุ 1 ล้านชิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

AirDots1
Redmi AirDots เป็นหูฟังแบบ True-Wireless ใช้การเชื่อมต่อผ่านระบบ Bluetooth 5.0 ในตัวมีชิป Realtek 8763 พร้อม DSP digital noise reduction(ป้องกันเสียงรบกวน) รองรับการใช้งานต่อเนื่องได้ยาวถึง 4 ชั่วโมง และเมื่อชาร์จผ่านเคสชาร์จจะสามารถใช้งานได้ยาว ๆ ถึง 12 ชั่วโมง ทั้งหมดนี้มาในราคา 99 หยวน หรือประมาณ 500 บาทเท่านั้นเอง

ถือว่าหูฟังตัวนี้เป็นตัวเลือกที่ดีอีกอย่างนึงสำหรับคนที่กำลังมองหาหูฟังที่มีคุณภาพในราคาที่ถูก ถ้าไม่ยึดติดแบรนด์ระดับ high-end ก็นับได้ว่าน่าจับจองเป็นเจ้าของมากๆเลยครับ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

beartai.com

ข้อดีของการสร้างเว็บไซต์ในรูปแบบ CMS

CMS ย่อมาจาก Content Management System เป็นระบบที่นำมาช่วยในการสร้างและบริหารเว็บไซต์แบบสำเร็จรูป

ในปัจจุบันนี้การทำเว็บไซต์ในรูปแบบ CMS นั้นเป็นที่นิยมกันมากขึ้น เนื่องจาก CMS นั้นหลักๆก็คือการบริหารจัดการเนื้อหาของเว็บไซต์ ที่มาพร้อมด้วยเครื่องมือต่างๆในการจัดการเนื้อหามากมายในการสร้างเนื้อหาขึ้นมาให้กับเว็บไซต์ของเรา ซึ่งระบบแบบนี้ง่ายสำหรับคนที่ไม่มีความรู้ในการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ก็สามารถจัดการกับเนื้อหาภายในเว็บไซต์ ซึ่งส่วนใหญ่ระบบนี้ถูกเขียนขึ้นมาจากภาษา PHP และใช้ database เป็น Mysql เป็นหลัก ซึ่งในปัจจุบันนี้มี framework ที่ถูกพัฒนาขึ้นและถูกใช้งานอย่างแพร่หลายในระดับโลกเช่น Joomla และ WordPress

ข้อดีของ CMS

1.ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องมีความรู้เรื่องการทำเว็บไซต์ เพียงแค่มีพื้นฐานในการใช้งานคอมพิวเตอร์หรือการใช้งาน internet ก็สามารถใช้งานเว็บไซต์ที่ถูกพัฒนาในรูปแบบของ CMS ได้

2.ไม่เสียเวลาในการพัฒนาเว็บไซต์ ไม่เสียเงินจำนวนมาก

3.ง่ายต่อการดูแล เพราะจะมีระบบ back-end หรือเรียกว่าระบบหลังบ้านที่จะเป็นตัวหลักในการจัดการเว็บไซต์ของเรา

4.สามารถติดตั้งส่วนเสริมหรือ plug-in ที่เป็นลูกเล่นต่างๆเพิ่มเข้ามาในระบบของเราอย่างง่ายดาย

5.สามารถเปลี่ยนหน้าตาเว็บไซต์ได้ง่ายๆ เพียงแค่โหลด Template (หน้าตาของเว็บไซต์)  ของ CMS นั้นๆ เข้ามาใช้งานได้ทันที

ข้อเสียของ CMS

1.ในกรณีที่ผู้ใช้ต้องการออกแบบ Template (หน้าตาของเว็บไซต์) เอง จะต้องใช้ความรู้มากกว่าปรกติ เนื้องจาก CMS มีโครงสร้างในการเขียนโปรแกรมขึ้นมาอย่างซับซ้อน และในแต่ละผู้พัฒนาก็จะเขียนโปรแกรมขึ้นมาในรูปแบบที่แตกต่างกัน ซึ่งเราต้องไปศึกษาว่า framework ที่ใช้อยู่เป็นแบบไหน

2.ผู้ใช้จะต้องศึกษาระบบ CMS ที่ผู้พัฒนาสร้างขึ้นมา เช่นจะต้องใส่ข้อความลงตรงไหน จะต้องแทรกภาพอย่างไร ซึ่งจะลำบากเพียงแค่ช่วงแรกเท่านั้น

3.ถ้าอยากได้เว็บสวยๆ เราต้องลงทุนซื้อ Template มาใช้งานเพื่อให้เข้ากับระบบที่เราใช้งานอยู่

สรุปแล้วว่าการใช้งานเว็บไซต์ที่มีระบบ CMS นั้นก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ซึ่งโดยรวมแล้วถ้าเว็บไซต์ของเราเป็นเว็บไซต์ในรูปแบบของการแสดงเนื้อหาเป็นหลักและต้องมีการเพิ่มบทความหรือแก้ไขบทความอยู่เป็นประจำแล้ว การเลือกใช้ระบบ CMS นับว่าตอบโจทย์ของผู้ใช้งานได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าเว็บที่เราต้องการ เป็นการทำงานเฉพาะอย่าง บางครั้งการนำ CMS มาใช้ก็อาจจะไม่เหมาะกับเราก็เป็นได้

 

ขอบคุณบทความดีๆจาก
hatyaiwebdesign.com
และ
itgenius.co.th